วันอาทิตย์ที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

นิยาย

นิยาย หมายถึง เรื่องเล่าจากจินตนาการ เหตุการณ์ และเนื้อเรื่อง แตกต่างกับเรื่องจริง โดยครอบคลุมเรื่องแต่งทั้งหมด นิยายแบบตะวันตก ที่มีบทสนทนา และนิยมแต่งกันในชั้นหลังมักเรียกกันว่า นวนิยาย
ผลงานที่จัดเป็นนิยาย เช่น นิทาน เรื่องสั้น ภาพยนตร์บางประเภท เรื่องปรัมปรา การ์ตูน หรืออาจเป็นแอนิเมชัน และวิดีโอเกมบางประเภท เป็นต้น


วันศุกร์ที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

บีอีเอ

บริษัท บีอีเอ ซิสเต็มส์ (หุ้นแนสแด็ก: BEAS) ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1995 มีความเชี่ยวชาญในซอร์ฟแวร์โครงสร้างพิ้นฐานขององค์กร มีสำนักงานทั้งสิ้น 77 สำนักงานใน 37 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย


วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



เภสัชกร (อังกฤษ: Pharmacists) คือผู้ที่มีวิชาชีพทางด้านสาธารณสุข (health profession) มีหน้าที่จ่ายยา ให้ผู้ป่วยตามใบสั่งยาจากแพทย์ (medical prescription) และเป็นผู้ผลิตยา เภสัชกรจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหลายสาขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคลินิก โรงพยาบาล และเภสัชชุมชนซึ่งจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทางเลือกหนึ่งของวิชาชีพเภสัชกรคือการปฏ�! ��บัติงานในร้านขายยาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของร้านเอง (small business) ในงานด้านนี้เภสัชกรนอกจากจะมีความชำนาญในธุรกิจร้านค้าแล้วยังมีความรู้และข้อมูลการใช้ยาทั้งประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยา ตลอดจนการให้ข้อมูลความรู้ให้คำปรึกษาการใช้ยาแก่ชุมชนด้วย เภสัชกรบางครั้งเรียกว่านักเคมี เพราะในอดีตมีการให้ผู้สำเร็จการศึกษาในวิชาเคมีสาขาเภสัชกรรม (Pharmaceutical Che! mistry (PhC)) มาเป็นเภสัชกรซึ่งเ� �ียกกันว่านักเคมีเภสัชกรรม ("Pharmaceutical Chemists") โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ เช่น เครือข่ายร้านขายยาของบู๊ตส์เรียกเภสัชกรของบู๊ตส์ว่า "นักเคมีบูตส์" ('Boots The Chemist')


เภสัชกร
สารบัญ
ความต้องการขั้นพื้นฐานสำหรับการจดทะเบียน (registration) เป็นเภสัชกรรับอนุญาตจะต้องเป็น ผู้ที่เรียนจบจากคณะเภสัชศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งจะได้รับปริญญาดังนี้
ระยะเวลาที่ใช้ในการสำเร็จการศึกษาจแตกต่างในแต่ละประเทศดังนี้

เภสัชศาสตรบัณฑิต(ภบ) (Bachelor of Pharmacy (BPharm))
เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต(ภม) (Master of Pharmacy (MPharm))
เภสัชบริบาลศาสตรบัณฑิต (ภบ.บ.) หรือ เภสัชศาสตรบัณฑิต(ภบ) (บริบาลเภสัชกรรม) (Doctor of Pharmacy (PharmD))
ประเทศไทยใช้เวลา 5 ปี ได้ ภบ (BPharm) หรือเรียน 6 ปีี ได้ ภบบ (PharmD)
สหภาพยุโรป (European Union) รวมถึงสหราชอาณาจักร เดิมเรียน 4 ปีได้ ภบ (BPharm) ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยเรียน 4 ปี ได้ ภม (MPharm) เลย
ประเทศออสเตรเลียใช้เวลา 4 ปี ได้ ภบ (BPharm) ต่ออีก 2 ปีได้ ภม (MPharm)
สหรัฐอเมริกาใช้เวลา 4 ปี ได้ ภบ (BPharm) ต่ออีก 2 ปีได้ ภบบ (PharmD) มีฐานะเทียบเท่า พบ (medical doctor (MD))

คุณสมบัติของเภสัชกร
หลักสูตรมาตรฐานที่ใช้เรียนในคณะเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีดังนี้

เภสัชภัณฑ์ (Pharmaceutics)
เคมีเภสัชภัณฑ์ (Pharmaceutical chemistry) หรือเคมีเวชภัณฑ์ (Medicinal chemistry)
เภสัชวิทยา (Pharmacology)
จุลชีววิทยา (Microbiology)
เคมี (chemistry)
ชีวเคมี (Biochemistry)
เภสัชพฤกษศาสตร์ (Pharmaceutical Botany)
เภสัชวินิจฉัย (Pharmacognosy)
เภสัชอุตสาหกรรม (Industrial Pharmacy)
สรีรวิทยา (Physiology)
กายวิภาคศาสตร์ (anatomy)
อาหารเคมี (Foods Science)
เภสัชกรรม (Pharmacy)
กฎหมายยา (pharmacy law)
เภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetics)
ไตวิทยา (nephrology)
ตับวิทยา (hepatology)
ปฏิบัติการเภสัชกรรม (Pharmacy practice) ประกอบด้วย ปฏิกิริยาระหว่างยา, การติดตามผลการใช้ยา (medicine monitoring) การบริหารการใช้ยา (medication management)

การจดทะเบียนเป็นเภสัชกร
ส่วนมากเภสัชกรจะพบกับผู้ป่วยในจุดแรกด้วยการสอบถามปัญหาเกี่ยวกับสาธารณะสุขพื้นฐานโดยเฉพาะเกี่ยวกับยา การใช้ยา ผลข้างเคียงของยา ฯลฯ ดังนั้นหน้าที่ของเภสัชกรจึงคอนข้างกว้างซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

บริหารงานเกี่ยวกับการใช้ยาในทางคลินิก (clinical medication management)
การเฝ้าติดตามสถานการณ์ของโรคเฉพาะ (specialized monitoring) ที่เกี่ยวกับยาและผลของยาทั้งโรคธรรมดาและซับซ้อน
ทบทวนการใช้ยาอย่างละเอียดถี่ถ้วน (reviewing medication regimens)
ติดตามการรักษาโรคอย่างต่อเนื่อง (monitoring of treatment regimens)
ติดตามดูแลสุขภาพอนามัยทั่วไปของผู้ป่วย (general health monitoring)
ปรุงยา (compounding medicines)
ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยทั่วไป (general health advice)
ให้การศึกษาแก่ผู้ป่วยเป็นการเฉพาะ (specific education) เกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคและการรักษาด้วยยา
ตรวจสอบเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการจ่ายยา (dispensing medicines) ตามใบสั่งแพทย์
ดูแลจัดเตรียม(provision)ยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์(non-prescription medicines)
ให้คำปรึกษาและแนะนำผู้ป่วยถึงการใช้ยาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด(optimal use of medicines)
แนะนำและรักษาโรคพื้นๆทั่วไป(common ailments)
ส่งต่อผู้ป่วยไปยังวิชาชีพสาธารณะสุขอื่นที่ตรงกับโรคของผู้ป่วยมากกว่าถ้าจำเป็น
จัดเตรียมปริมาณยา (dosing drugs) ในผู้ป่วยตับและไตล้มเหลว
ประเมินผลการเคลื่อนไหวของยาในผู้ป่วย (pharmacokinetic evaluation)
ให้การศึกษาแก่แพทย์ (education of physicians) เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้อง
ร่วมกับวิชาชีพทางด้ายสาธารณะสุขอื่นในการสั่งยา (prescribing medications) ให้คนไข้ในบางกรณี
ดูแล จัดเตรียม จัดหา และรักษาเภสัชภัณฑ์ให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน (pharmaceutical care)

สาขาวิชาชีพเภสัชกรรม

เภสัชกรรม

วันเสาร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



Greatest Hits คือชื่ออัลบั้มที่ 11 ของศิลปินหญิงชาวอเมริกัน มารายห์ แครี ออกวางขายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2001 โดยโคลัมเบีย เรคคอร์ดส เป็นอัลบั้มรวมเพลงประกอบด้วย ซีดี 2 แผ่น โดยแผ่นแรกเป็นเพลงฮิตตั้งแต่ปี 1990 ถึง 1995 และแผ่นที่ 2 เป็นเพลงฮิตตั้งแต่ปี 1996 ถึ 2000


Greatest
อันดับอัลบั้มในประเทศต่างๆ
ยอดขายนี้รวมถึงยอดใน Soundscan sales


วันศุกร์ที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

�

Pay per click เป็นการ โฆษณา ผ่านทางตัวแทนเว็บ เพื่อทำการ โฆษณา เว็บของคุณ โดย ค่าใช้จ่าย จะคิดจากจำนวนคลิกเป็นหลัก หากไม่มีจำนวนของการคลิก ก็จะไม่เสียเงินค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่อาจจะมีแตกต่างไปบ้างตามแต่ข้อตกลงแต่ละค่าย เช่น อาจจะมีการคิดเพิ่มเติมในรูปแบบของ ePPM หรือ จำนวนการแสดงโฆษณาต่อการแสดงหนึ่งพันครั้ง
ในปี 2550 กูเกิล ได้เสนอระบบใหม่ Pay-Per-Action ซึ่งอยู่ในขั้นทดลอง โดยเปลี่ยนจากระบบการจ่ายเงินค่าโฆษณาตามจำนวนที่มีคนคลิกเข้าไปดู เป็นการจ่ายเงินตามการกระทำที่กำหนด เช่น ซื้อของอย่างน้อยหนึ่งชิ้น หรือเข้าดูหน้าใดหน้าหนึ่ง


Pay
ผู้ให้บริการ

Adwords จาก กูเกิล
Overture จาก ยาฮู!

วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ลัทธิฟาสซิสต์

ลัทธิฟาสซิสต์ เป็นหนึ่งในลักษณะการปกครองของรัฐบาล ในลัทธิฟาสซิสต์ซึ่งปรากฏในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 , ประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าตน,บุคคล ลัทธิฟาสซิสต์จะมีบุคคลคนหนึ่งปกครองประเทศเรียกว่า ผู้นำเผด็จการ, ผู้มีสิทธิในการควบคุมรัฐบาล และประชาชน. ถึงแม้ว่าลัทธิฟาสซิสต์จะระบุว่าประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่สุด, แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้นำแบบเผด็จการต่าง! หากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดแม้แต่กับประชาชนเองก็ตาม
ลัทธิฟาสซิสต์ นั้นแตกต่างจากระบอบคอมมิวนิสต์ ลัทธิฟาสซิสต์ ไม่ต้องการจะเป็นเจ้าของที่ดิน หรือโรงงานผลิตสินค้า แต่ลัทธิฟาสซิสต์จะทำงา่นอย่างใกล้ชิดกับสิ่งเหล่านั้นและใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตกองทัพที่แข็งแกร่ง หรือส่วนอื่นของลัทธิฟาสซิสต์ มันสำคัญมากที่โรงเรียนทุกโรงในประเทศจะสอนเด็กว่าผู้นำเผด็จการเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในโลก เมื่อโตข! ึ้นแบบอย่างที่ควรทำคือเข้ารวมกลุ่มกับลัทธิฟาสซิสต์ มันมักจะมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นเมื่อมีการไม่เห็นด้วยกับลัทธิฟาสซิสต์ ผู้นำลัทธิฟาสซิสต์มักจะเป็นบุคคลที่มียศสูงในกองทัพ ถึงแม้พวกเขาจะไม่มียศมาก่อนก็ตาม และมักปรากฎตัวในชุดกองทัพบกหรือกองทัพเรือต่อหน้าสาธารณะชน
ลัทธิฟาสซิสต์ ถูกใช้ขึ้นครั้งแรกโดย เบนิโต มุสโสลินี ผู้นำเผด็จการชาวอิตาลี จากปี พ.ศ. 2465 ถึงปี พ.ศ. 2486 รัฐบาลของ เอ็นกิลเบริต ดอลฟิว ในออสเตรีย และ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ใน เยอรมันนี.



วันอังคารที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

สายอากาศ

สายอากาศ คือ อุปกรณ์สำหรับรับและส่งคลื่น ความถี่วิทยุ (radio frequency) ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และในทางกลับกัน ก็เปลี่ยนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพลังงานไฟฟ้าเช่นกัน สายอากาศส่วนมากมักจะทำด้วยอะลูมิเนียม เพราะน้ำหนักเบาและทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าโลหะทั่วไป
สายอากาศแบ่งตามรูปแบบการรับ-ส่งคลื่นได้ดังนี้
อัตราขยาย (gain) เป็นความสามารถของสายอากาศแต่ละต้นที่ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน เพื่อลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป สายอากาศที่มีอัตราขยายสูง จะบอกถึงความสามารถในการรับ-ส่งคลื่นวิทยุ ได้ดีมากตามตัวเลข ซึ่งมีหน่วยวัดเป็น dBi และ dBd
สายอากาศแบบรอบตัว สามารถรับ-ส่งคลื่นได้ดีในทุกทิศทางเฉลี่ยกันไปโดยรอบ
สายอากาศแบบกึ่งรอบตัว สามารถรับ-ส่งคลื่นได้ดีเกือบรอบตัวแต่มีอัตราขยายสูงกว่าแบบรอบตัว
สายอากาศแบบทิศทาง สามารถรับ-ส่งคลื่นได้ดีในทิศทางที่กำหนดและจะมีอัตราขยายสูงกว่าประเภทอื่น

วันจันทร์ที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ถนนศรีรับสุข

ถนนศรีรับสุข เป็นชื่อถนนเริ่มจาก อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไปทางถนนแจ้งวัฒนะ เลี้ยวขวาเข้าถนนวิภาวดีรังสิต ไปสิ้นสุดบริเวณหน้าสนามบินดอนเมือง ปัจจุบัน คือแนวถนนแจ้งวัฒนะ - วิภาวดีรังสิต ตัดขึ้นเพื่อใช้เป็นเส้นทางไปสนามบินดอนเมือง
ในอดีต ยังไม่มีถนนวิภาวดีรังสิต การเดินทางไปสนามบินดอนเมือง จะต้องขับรถไปตามถนนพหลโยธิน เมื่อถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ จึงเลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีรับสุข จนถึงสนามบินดอนเมือง
สำหรับชื่อ "ศรีรับสุข" เป็นนามสกุลเดิมของจอมพลอากาศฟื้น รณภากาศ ฤทธาคนี อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ

วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



ที-2 บัคอาย (T-2 Buckeye) ที-2 เป็นเครื่องบินเจ๊ตฝึก 2 ที่นั่ง ประจำเรื่อบรรทุกอากาศยาน เครื่องต้นแบบบินเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1958 สร้างขึ้นมาใช้งานในกองทัพเรือสหรัฐประมาณ 411 เครื่อง



ที-2
รายละเอียด ที-2 บัคอาย


ผู้สร้าง บริษัทร๊อคเวลส์ อินเตอร์เนชั่นนัล (สหรัฐอเมริกา)
ประเภท เจ๊ตฝึก 2 ที่นั่งเรียงกัน ประจำเรือบรรทุกอากาศยาน
เครื่องยนต์ เทอร์โบเจ๊ต เจเนอรัล อีเล็คตริค เจ 85-ยีอี-4 ให้แรงขับเครื่องละ 1,339 กิโลกรัม ไม่มีสันดาปท้าย 2 เครื่อง
กางปีก 11.62 เมตร
ยาว 11.67 เมตร
สูง 4.51 เมตร
พื้นที่ปีก 23.69 ตารางเมตร
น้ำหนักเปล่า 3,728 กิโลกรัม
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด 6,025 กิโลกรัม
อัตราเร็วขั้นสูง 869 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ระยะสูง 7,620 เมตร
เพดานบินใช้งาน 12,800 เมตร
พิสัยบิน 1,685 กิโลเมตร
อาวุธ สามารถติดตั้งปืนกลอากาศ ขนาด 0.05 นิ้ว 2 กระบอก

ลูกระเบิดฝึกขนาด 100 ปอนด์ 2 ลูก
กระเประจรวด แบบแอโรว์ 6 เอ บรรจุจรวดขนาด 2.75 นิ้ว ไมท์ตี้เม้าส์ กระเประละ 7 นัด 2 กระเประ

วันเสาร์ที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



เป็นรายชื่อนักกีฬาที่เคยลงเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลกรุงเทพคริสเตียนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสโมสรเมื่อปี พ.ศ. 2540



สารบัญ



รายชื่อนักกีฬา



พ.ศ. 2540 ถ้วย ง



พ.ศ. 2542 ถ้วย ข



พ.ศ. 2544 ดิวิชั่น 1


ความลับทางการค้า
พ.ศ. 2549 ดิวิชั่น 2

สโมสรฟุตบอลกรุงเทพคริสเตียน
โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
เพลงโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยและเพลงเชียร์
จตุรมิตรสามัคคี

วันศุกร์ที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

จังหวัดพัทลุง

ดูความหมายอื่นของ พัทลุง ได้ที่ พัทลุง (แก้ความกำกวม)
จังหวัดพัทลุงเป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย เคยเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่แห่งหนึ่ง และยังมีสภาพภูมิประเทศทั้งที่ราบ เนินเขา และชายฝั่ง



สารบัญ
จังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภาคใต้ของประเทศไทย ระหว่างละติจูดที่ 7 องศา 6 ลิปดาเหนือ ถึง 7 องศา 53 ลิปดาเหนือ และลองติจูดที่ 9 องศา 44 ลิปดาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพมหานครตามเส้นทาง สายเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 41) เป็นระยะทางประมาณ 858 กิโลเมตร และตามเส้นทางรถไฟระยะทาง ประมาณ 846 กิโลเมตร ความยาวของจังหวัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ประมาณ 78 กิโลเมตรและความกว้าง! จาก ทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ระยะทางประมาณ 53 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,424.473 ตาราง กิโลเมตร หรือ 2,140,296 ไร่ (พื้นดิน 1,919,446 ไร่ พื้นน้ำ 220,850 ไร่) มีอาณาเขต ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอควนเนียง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และอำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล
ทิศตะวันออก ติดต่อกับทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นน่านน้ำติดต่อกับอำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสทิงพระ และอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับเทือกเขาบรรทัด ซึ่งเป็นแนวติดต่อกับอำเภอห้วยยอด อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง อำเภอย่านตาขาว และอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง



อุทยาน

ดอกไม้ประจำจังหวัด: พะยอม (Shorea roxburghii)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ดอกพะยอม (Shorea roxburghii)
คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองหนังโนรา อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน

วันพฤหัสบดีที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (อังกฤษ: Rajamangala University of Technology Thanyaburi) จัดการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาทาง ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ครุศาสตร์อุตสาหกรรม เกษตรศาสตร์ บริหารธุรกิจ คหกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศึกษาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และสาขาวิชาทาง ด้านนาฏศิลปและดุริยางค์ ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตสายวิชาชีพที่มีคุณภาพให้สอดคล้อง�! �ับการพัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีการจัดการเรียนด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงที่เน้นการปฏิบัติ ทำการสอน ทำการวิจัย การผลิตครูวิชาชีพ ให้บริการทางวิชาการในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทะนุบำรุงศิลปและวัฒนธรรม โดยให้ผู้สำเร็จอาชีวศึกษามีโอกาสในการศึกษาต่อ ด้านวิชาชีพเฉพาะทางระดั�! �ปริญญาเป็นหลัก มีวิทยาเ� �ตปทุมธานี


มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คณะ

คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะบริหารธุรกิจ
คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์
คณะศิลปกรรมศาสตร์
คณะเทคโนโลยีการเกษตร
คณะครุศาสตร์เทคโนโลยี
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน
คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย

วันพุธที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐



ปางเรือนแก้ว เป็นพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิในเรือนแก้ว พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวาวางคว่ำที่พระชานุ ( เข่า ) บางแบบพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา บางแบบอยู่ในอิริยาบถประทับขัดสมาธิเพชรในเรือนแก้ว


�ปางเรือนแก้ว
ความเชื่อและคตินิยม
เป็นพระพุทธรูปประจำเดือน 7


วันอังคารที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

เมืองยอง

เมืองยอง เป็นเมือง หรือจังหวัดหนึ่งใน รัฐฉาน ประเทศพม่า เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งเกี่ยวข้องกับ พม่า ล้านนา สยาม ลาว และ เขตสิบสองปันนา ของจีน ผู้ที่อยู่อาศัยในเมือง จะถูกเรียกว่า ชาวไทยอง
คนเมืองยองสืบเชื้อสายมาจากผู้คนที่อพยพมาจากเมืองเชียงรุ่งและเมืองอื่น ๆ ในสิบสองพันนา ซึ่งเป็นคนลื้อหรือไทลื้อ และเมื่ออพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งใหญ่ในเมืองลำพูนในปี พ.ศ. 2348 คนทั่วไปจึงเรียกว่า คนเมืองยอง เพราะในสมัยนั้นรัฐประชาชาติหรือรัฐชาติ (Nation State) แบบตะวันตกยังไม่เกิดขึ้น ในสมัยนั้นผู้คนต่างบ้านหลายเมืองที่มาอยู่ร่วมกัน จึงเรียนขานกันตา�! �ชื่อบ้านเมืองเดิม เช่น คนเมืองเชียงใหม่ คนเมืองลำปาง คนเมืองแพร่ คนเมืองน่าน คนเมืองเชียงตุง เป็นต้น



สารบัญ

ตัวเมืองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเชียงตุง ห่างกันประมาณ 80 กิโลเมตร ห่างจากชายแดนอำเภอแม่สายประมาณ 157 กิโลเมตร
ตัวเมืองยองเป็นแอ่งที่ราบกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ มีความอุดมสมบูรณ์ เพราะมีแหล่งน้ำที่ดี นับเป็นเขตเกษตรกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่อดีตจึงมีผู้คนอพยพจากที่ต่าง ๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานตลอดเวลา ภูมิประเทศด้านตะวันตกสูงกว่าด้านตะวันออก แม่น้ำสายสำคัญคือแม่น้ำลาบ แม่น้ำวัง และแม่น้ำยอง ไหลไปทางทิศตะวันออก ไปสู่แม่น้ำโขง

ภูมิลักษณะ
เขตกำแพงเมืองลักษณะกลมรีตั้งอยู่บนเนินสูง มีคูน้ำคันดิน ที่ตั้งประกอบด้วยประตูเมืองทั้ง 4 ด้าน ดังนี้
นอกจากนั้น ยังมีอีก 3 ประตู ภายในเวียง คือ ประตูดินแดง ประตูหูหูด และประตูผาบ่อง บริเวณใจกลางเมืองมีต้นสรี หรือต้นโพธิ์มีไม้ค้ำโดยรอบซึ่งแสดงถึงความเชื่อเรื่องไม้ค้ำสรี เช่นเดียวกับคนเมืองในล้านนา

ทิศเหนือ ติดกับดอยปางหนาว มีประตูม่อนแสน
ทิศตะวันตก ติดเทือกเขา มีประตูปางหิ่ง
ทิศตะวันออก ติดที่ราบ มีประตูป่าแดง และประตูน้อย
ทิศใต้ ติดที่ราบ โดยมีแม่น้ำยองไหลผ่าน มีประตูเสื้อเมือง

การอพยพมาของชาวไทลื้อ
ในยุคที่อาณาจักรล้านนาสมัยราชวงศ์มังรายเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจ เมื่อกองทัพมองโกลหรือพวกฮ่อยกกองทัพเข้ายึดเมืองยองได้และเลยมาตีถึงเชียงแสน
สมัยพญาสามฝั่งแก่น (พ.ศ. 1947-1948) กองทัพเชียงใหม่ สามารถขับไล่พวกฮ่อออกจากเชียงแสนและเมืองยองได้ เมืองยองจึงได้หันมาส่งบรรณาการให้กับเชียงใหม่
ในสมัยที่ที่ล้านนามีอำนาจสูงสุด พญาติโลกราช (พ.ศ. 1984-2939) ได้ขึ้นไปปกครองเมืองยองอยู่ระยะหนึ่งในราว พ.ศ. 1985 เพราะตำนานเมืองยอง และตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงถึงการขยายอำนาจของล้านนาไปจนถึงดินแดนสิบสองพันนา พญาติโลกราช ซึ่งในตำนานได้ระบุว่า พระเจ้าอโศก ได้บูรณะพระธาตุจอมยอง และทรงทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาในเมืองยองให้เจริญมั่นคง สันนิษฐานว่าพ�! ��ทธศาสนาแบบลังกาได้ขึ้นไปเผยแผ่ถึงหัวเมืองต่าง ๆ ทางตอนบนระยะเวลานี้ด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวได้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองยองกับเชียงใหม่ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์มังราย ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 29-22 ในยุคที่อาณาขนาดจักรใหญ่ได้ขยายตัวออกไปโดยการทำสงคราม เช่น พม่า จีนหรือสิบสองพันนา ดังนั้น ล้านนาและล้านช้างจึงให้ความสำคัญต่อการเพิ่มกำลังคนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการขยายอำนาจและสร้างอาณาจักร และยังใช้เป็นสิ! ่งที่แสดงอิทธิพลเหนือดินแดนต่าง ๆ ในปริมณฑลแห่งอำนาจหรือเมืองชายขอบ
จากสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เมืองยอง จึงอยู่ท่ามกลางการขยายอำนาจ และการแสดงอิทธิพลของศูนย์อำนาจต่างๆ ตลอดเวลา การอยู่ในฐานะรัฐกันกระทบหรือรัฐกันชน (Buffer State) ระหว่างอาณาจักรใหญ่ ต้องปรับตัวโดยการสร้างความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดความสมดุลของอำนาจจากฝ่ายต่างๆ ที่อยู่รายรอบ ทำให้เมืองยองมีลักษณะเป็นเมืองที่เรียกกันว่า เมืองสามฝ่ายฟ้า เ�! �ราะมีความสัมพันธ์ในเชิงบรรณาการ (tribute) และเชิงอำนาจกับจีน พม่าและเชียงใหม่ในเวลาเดียวกัน ในยามทำสงคราม เมืองยองจึงถูกดึงเข้าสู่การสู้รบ โดยถูกเกณฑ์ทั้งเสบียงอาหารและผู้คน ตลอดจนการกวาดต้อนผู้คนไปตั้งถิ่นฐานในที่ต่าง ๆ ครั้งที่มีความสำคัญมากที่สุดคือ


วันจันทร์ที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ไรต์แอสเซนชัน

ไรต์แอสเซนชัน (อังกฤษ Right ascention, RA, สัญลักษณ์ α) เป็นศัพท์ทางดาราศาสตร์ เป็นหนึ่งในสองพิกัดที่ใช้ในการกำหนดตำแหน่งบนทรงกลมฟ้า พิกัดอีกค่าที่ใช้คู่กันคือ เดคลิเนชัน ไรต์แอสเซนชันเปรียบได้กับลองจิจูด วัดเทียบจากจุดศูนย์ที่เรียกว่า วสันตวิษุวัต (vernal equinox) หน่วยของไรต์แอสเซนชันมีค่าเป็น ชั่วโมง นาที และวินาที ใช้วัดได้ทั้งเวลาและองศา โดยที่ไรต์แอสเซนชันหนึ�! ��งชั่วโมง มีค่าเท่ากับมุม 15 องศา หนึ่งนาที มีค่าเท่ากับมุม 15 ลิปดา และ หนึ่งวินาทีเท่ากับมุม 15 พิลิปดา


การคูณ
สารบัญ
การคูณสามารถเขียนได้หลายรูป โดยที่ความหมายยังคงเดิม ด้านล่างทั้งหมด คือ 5 คูณ 2
5times 2
5cdot2
(5)2, 5(2), (5)(2), 5[2>, [5]2, [5][2] 5*2
สำหรับเครื่องหมายดอกจัน (*) นิยมใช้ในคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่มีในทุกแป้นพิมพ์ แต่เราไม่ใช้ในการเขียนด้วยมือ และเราจะใช้ก็ต่อเมื่อไม่มีเครื่องหมายอื่นมาทดแทน (การใช้เครื่องหมายนี้เริ่มมาจากภาษาคอมพิวเตอร์ฟอร์แทรน) สำหรับตัวแปร โดยปกติแล้วเราจะไม่เขียนสัญลักษณ์การคูณไว้ นี่คือมาตรฐานในพีชคณิต
5x และ xy.
ประโยคสัญลักษณ์นี้อาจก่อให้เกิดการสับสน เวลาตัวแปรมีชื่อยาวกว่าหนึ่งตัวอักษร และการเขียนลักษณะนี้จะไม่ใช้กับเลขโดดสองตัว เช่น 52 ไม่สามารถแปลว่า 5 × 2. ได้
ถ้าพจน์แต่ละพจน์ของผลคูณไม่ได้เขียนออกมาทั้งหมด เราอาจจะใช้เครื่องหมายจุดไข่ปลาแทนพจน์ที่หายไป เช่นเดียวกับการดำเนินการอื่นๆ (เช่น การบวก) เช่น ผลคูณของจำนวนธรรมชาติ ตั้งแต่ 1-100 อาจเขียน 1 cdot 2 cdot ldots cdot 99 cdot 100. และสามารถเขียนให้เครื่องหมายจุดไข่ปลาอยู่บริเวณกึ่งกลางแนวตั้งของแถวได้อีกด้วย คือ 1 cdot 2 cdot cdots cdot 99 cdot 100.
นอกจากนี้แล้ว ผลคูณยังสามารถเขียนได้ด้วยเครื่องหมายผลคูณ ซึ่งมาจาก อักษร Π (Pi) ตัวใหญ่ ในอักษรกรีก. ตัวอย่างเช่น
prod_{i=m}^{n} x_{i} := x_{m} cdot x_{m+1} cdot x_{m+2} cdot cdots cdot x_{n-1} cdot x_{n}.
ตัวห้อยของประโยคสัญลักษณ์ข้างต้นแทนตัวแปรหุ่น (สำหรับประโยคนี้คือ i) และขอบเขตล่าง (m); ตัวยกแทนขอบเขตบน (n) เช่น
prod_{i=2}^{6} left(1 + {1over i}right) = left(1 + {1over 2}right) cdot left(1 + {1over 3}right) cdot left(1 + {1over 4}right) cdot left(1 + {1over 5}right) cdot left(1 + {1over 6}right) = {7over 2}.
เรายังสามารถหาผลคูณที่มีพจน์เป็นอนันต์ได้อีกด้วย เรียกว่าผลคูณอนันต์ ในการเขียน เราจะแทนที่ n ด้านบนด้วยเครื่องหมายอนันต์ (∞). ผลคูณของพจน์จะกำหนดด้วยขีดจำกัดของผลคูณของ n พจน์แรก โดย n เพิ่มขึ้นโดยไม่มีขอบเขต เช่น
prod_{i=m}^{infty} x_{i} := lim_{ntoinfty} prod_{i=m}^{n} x_{i}
นอกจากนี้ยังสามารถแทน m ด้วยจำนวนลบอนันต์
prod_{i=-infty}^infty x_i := left(lim_{ntoinfty}prod_{i=-n}^m x_iright) cdot left(lim_{ntoinfty}prod_{i=m+1}^n x_iright),
และสำหรับจำนวนเต็ม m บางจำนวน สามารถกำหนดได้ทั้งอนันต์และลบอนันต์



สัญลักษณ์
สำหรับความหมายของการคูณ ผลคูณของจำนวนธรรมชาติ n และ m ใดๆ
mn := sum_{k=1}^n m
กล่าวสั้นๆ คือ 'บวก m เข้ากับตัวเอง n ตัว' สามารถเขียนได้ในลักษณะนี้เพื่อให้ชัดเจนมากขึ้น
m × n = m + m + m + ... + m
หมายถึงมีจำนวน 'm' n ตัวบวกกันนั่นเอง
โดยใช้นิยาม เราสามารถพิสูจน์สมบัติของการคูณได้โดยง่ายดาย โดยดูจากสองตัวอย่างข้างต้น เรามีสมบัติว่า จำนวนสองจำนวนที่คูณกันสามารถสลับที่กันได้โดยผลคูณยังคงเดิม เราเรียกสมบัตินี้ว่า สมบัติการสลับที่ และ สมบัตินี้เป็นจริงสำหรับจำนวน x และ y ใดๆ นั่นคือ
x · y = y · x.
นอกจากนี้ การคูณยังมีสมบัติการเปลี่ยนหมู่อีกด้วย ความหมายสำหรับจำนวน x,y และ z ใดๆ คือ
(x · y)z = x(y · z).
หมายเหตุจากพีชคณิต: เครื่องหมายวงเล็บ หมายถึง การดำเนินภายในวงเล็บจะต้องกระทำก่อนการดำเนินการภายนอกวงเล็บ
การคูณมีสมบัติการแจกแจง เพราะ
x(y + z) = xy + xz.
มีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการคูณกับ 1 นั่นคือ
1 · x = x.
เราเรียก 1 ว่า จำนวนเอกลักษณ์
สำหรับเลข 0 เราจะได้
m · 0 = m + m + m +...+ m
เมื่อเรานำ '0' m ตัวมาบวกกัน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมเป็นศูนย์ นั่นคือ
m · 0 = 0
ไม่ว่า m จะเป็นจำนวนใด (แม้กระทั่งอนันต์).
การคูณกับจำนวนลบอาจจะต้องมีการคิดเล็กน้อย เริ่มจากการคูณ (−1) กับจำนวนเต็ม m ใดๆ
(−1)m = (−1) + (−1) +...+ (−1) = −m
นี่เป็นความจริงที่น่าสนใจว่า จำนวนลบ คือ จำนวนลบหนึ่ง คูณกับจำนวนบวกนั่นเอง เพราะฉะนั้นผลคูณระหว่างจำนวนบวกกับจำนวนลบทำได้โดยการคูณปกติ แล้วคูณด้วย (−1)
(−1)(−1) = −(−1) = 1
ในขณะนี้ เราสามารถสรุปการคูณระหว่างจำนวนเต็มสองจำนวนใดๆ ได้แล้ว และนิยามนี้ยังขยายไปสำหรับเซตของเศษส่วน หรือ จำนวนตรรกยะ และขยายไปถึงจำนวนจริงและจำนวนเชิงซ้อน
หลายคนอาจสงสัยถ้าบอกว่า ผลคูณของ'ไร้จำนวน' คือ 1
รูปแบบนิยามเรียกซ้ำของการคูณเป็นไปตามกฎ
x · 0 = 0
x · y = x + x·(y − 1)
เมื่อ x เป็นจำนวนจริง และ y เป็นจำนวนธรรมชาติ เมื่อเรากำหนดนิยามของการคูณจำนวนธรรมชาติแล้ว เรายังขยายผลไปถึงจำนวนเต็ม จำนวนจริง และจำนวนเชิงซ้อนได้

5 × 2 = 5 + 5 = 10
2 × 5 = 2 + 2 + 2 + 2 + 2 = 10
4 × 3 = 4 + 4 + 4 = 12
m × 6 = m + m + m + m + m + m

นิยาม
สำหรับวิธีที่รวดเร็วเพื่อคำนวณผลคูณของจำนวนขนาดใหญ่ ดู อัลกอริทึมการคูณ
ถ้าต้องการคูณจำนวณโดยใช้กระดาษกับดินสอ คุณจะต้องใช้สูตรคูณ (ไม่ว่าจะอยู่ในกระดาษหรือสมองของคุณ) และคุณอาจต้องรู้อัลกอริทึมการคูณอีกด้วย



ในทางดนตรี

การคูณอย่างง่าย
ส่วนกลับ
สูตรคูณ

วันเสาร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

The Shamus gives it up for Bonnie Raitt


The Shamus has never been a gigantic fan of Bonnie Raitt. I know a lot of people love her, especially those Grammy winning comeback albums, such as Nick of Time and Luck of the Draw. I don’t. They were obvious attempts to downplay her true strengths for chart success. No crime, but I blame producer Don Was, who puts everybody he works with through some weird Woody Allen-esque deflavoring machine. For my money, the only great Bonnie Raitt disc is her second one, 1972’s Give It Up, which I listened to again over the Memorial Day weekend. As a showcase for her talents as a laid-back, slightly sassy blues singer and interpreter of ‘70s singer-songwriters, she has never matched it. Basically, it’s a hellacious collection of songs, from Raitt’s finest originals (especially the raucous opener, Give It Up or Let Me Go) to smart picks by everybody from Delta blues singer Sippie Wallace to Jackson Browne. Recorded at Bearsville, it has that loose, back-porch feel of a bunch of musicians jamming for the sheer love of the songs. Raitt’s bottleneck steel guitar merges happily with New Orleans brass, and the production by Michael Cuscina has a warm, woody feel: part Band, part Van Morrison. The album brings back memories of a certain era in rock, when folk, rock, jazz and blues all mixed together and everybody said, “Screw the classifications.” While Raitt nails the singer-songwriter ballads (Too Long at the Fair; Love Has No Pride), she really gives it up on the suggestive blues songs. When Raitt cries out that she wants a man to “rock me like my back ain’t gone no bone,” she’d make John Lee Hooker or Howlin’ Wolf step up and give the lady her respect. Just listen to the way she winks and nods through the risque lyrics of Wallace’s You Got to Know How. On Give It Up, Bonnie Raitt definitely knew how.